วัตถุมงคลที่ระลึกในคราวที่สร้างอนุสาวรีย์พ่อจ่าการบุญ พ่อจ่านกร้อง ณ โรงเรียนจ่าการบุญ ของดีที่ชาวจ่าการบุญต้องมี
นับเป็นอีกสิ่งยึดเหนี่ยวหนึ่งของชาวจ่าการบุญที่ให้ความศรัทธานับถือมายาวนานนั่นก็คือพ่อจ่าการบุญ พ่อจ่านกร้อง ซึ่งจากประวัติดั่งเดิมคือเป็นชื่อของถนนจ่าการบุญทำให้มีการค้นคว้าประวัติของท่านทั้งสองทำให้มีทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์และพลังศรัทธา หลายคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับพ่อจ่าการบุญโดยถูกเล่าขานกันแบบปากต่อปาก ที่สำคัญไม่ใช่เพียงคณะครูและศิษย์จ่าการบุญเท่านั้น ยังมีเรื่องราวให้พอได้ยินของบุคคลภายนอกที่มากราบอธิษฐานขอพรในเรื่องของโชคลาภ การค้าขาย และโรคภัย ซึ่งก็สมหวังดั่งใจ
ในช่วงปี 2541 – 2542 ทางโรงเรียนจ่าการบุญนำโดยท่านผู้อำนวยการ คณะกรรมการ และคุณครูวัฒนศักษ์ สันโดษ ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงพื้นที่แห่งนี้โดยช่างปั้นแบบคือคุณครูสุทีป สามเกษร ได้เดินทางไปหาข้อมูลจากอนุสาวรีย์ ห้องสมุด และงานวิจัยทางประวัติศาสตร์ แม้จะหาข้อมูลมากเพียงใดก็ตามความเป็นศิลปินของท่านทำให้ไม่สามารถสรุปรูปแบบที่ลงตัวได้ ท่านจึงได้จุดธุปกลางแจ้งบอกกล่าวพ่อจ่าทั้งสอง จะด้วยอภินิหาริย์หรือการตกตะกอนทางความคิดท่านก็สามารถปั้นแบบได้อย่างต่อเนื่องจนสำเร็จในเวลาไม่นาน
เมื่อมีการจัดสร้างหุ่นสำเร็จ ทางโรงเรียนได้จัดทำพิธีหล่อรูปหล่อลายองค์ ณ มณฑลพิธีของโรงเรียนโดยนิมนต์เกจิคณาจารย์ผู้คุณ ในครั้งการไปนิมนต์ในเกิดเรื่องราวเหลือเชื่อหลายประการ เช่น คณะทำงานเดินทางไปยังกุฏิของหลวงปู่อ่อน วัดเนินมะเกลือ สุดยอดเกจิของภาคเหนือในยุคนั้นซึ่งท่านไม่ได้รับกิจนิมนต์ไปยังที่ไหนมาร่วมกว่า 5 ปีด้วยเหตุของสังขาร เมื่อทางคณะนิมนต์เดินทางไปถึงบริเวณหน้ากุฏิของท่าน ทางผู้ดูแลได้เดินออกมาต้อนรับและพูดบอกว่า “หลวงปู่รู้แล้ว เดี๋ยวเจอกันวันงาน” ทั้งๆที่ยังไม่ได้คุยหรือแนะนำตัวว่ามาจากจ่าการบุญ ทางคณะจึงกลับมาแบบงงๆ และพูดคุยถึงเรื่องนี้่กันตลอดทาง
หลังจากนั้นได้ทราบภายหลังจากปากของหลวงปู่ว่า ท่านได้สื่อสารทางจิตกับทางหลวงปู่แขก วัดสนุทรประดิษฐ์ ซึ่งเป็นสหธรรมิกกัน นับเป็นบุญที่ได้รับความเมตตาจากเทพเจ้าเมืองสองแควถึงสองรูป นอกจากนี้ยังมี หลวงตาละมัย วัดอรัญญิก และพระอาจารย์ไพรินทร์ ร่วมปรกปลุกเสก 4 ทิศ สร้างความเข้าขลังจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนจึงศรัทธาในรูปหล่อของพ่อจ่าทั้งสอง
เมื่อรูปหล่อสำเร็จแล้ว คุณครูวัฒนศักดิ์ สันโดษ (คุณครูแม้ว) จึงได้ร่วมมือกับลูกศิษย์ของท่านจัดสร้างเหรียญที่ระลึกสร้างอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นเหรียญรูปไข่ ความสูงประมาณ 3 ซม. ความกว้างประมาณ 2 ซม. โดยมีทั้งหมด 3 เนื้อคือ ทองแดงกะหลั่งทอง ทองแดงกะหลั่ยเงิน และทองแดงธรรมชาติ ซึ่งบรรจุไว้ในตลับพลาสติกทรงกลมสกรีน พ.ศ. 2542 ท่านได้นำวัตถุมงคลจ่าการบุญทั้หมดไปร่วมพิธีมหาจักดิ์พรรดิ์พุทธาภิเษก 2542 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พศ.2542 ซึ่งเกจิที่ร่วมพิธีจักรพรรดิมีทั้งสิ้น 142 รูป แบ่งกันเข้าปลุกเสกเป็นผลัด ทั้งหมด 4 ผลัด เวียนกันเข้านั่งปรกปลุกเสกณ วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช อาจกล่าวได้ว่าได้ร่วมอยู่ในกลางมณฑลพิธีเลยทีเดียว พิธีนี้มีรายนามเกจิคณาจารย์ที่ปรากฎในหนังสือและเว็ปต่างๆ เช่น
- หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก
- หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย
- หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
- พ่อท่านฉิ้น วัดเมือง
- หลวงพ่อหงส์ วัดเพชรบุรี
- ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี
- หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง
- หลวงพ่อกลั่น วัดเขาอ้อ
- หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน
- ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล
- หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง
- หลวงพ่อรวย วัดตะโก
- พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชย
- หลวงพ่อตี๋ วัดหลวงราชาวาส
- หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
- หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ
- หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ
- หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ
- หลวงพ่อลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า
- หลวงพ่อพูนทรัพย์ วัดอ่างศิลา
- หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม
- หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน
- หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
- หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก
- หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
- หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน
- หลวงพ่อเกษม วัดม่วง(พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่จังหวัดอ่างทอง)
- หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม
- หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
- หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม
- หลวงพ่อธงชัย วัดไตรมิตร
- หลวงพ่อรอด วัดสันติกาวาส
- หลวงพ่อถวิล วัดช้างให้
- หลวงปู่เหรียญ สำนักสงฆ์สวนจิตลดา เป็นต้น
นอกจากนี้คุณครูแม้วยังได้นำไปให้เกจิคณาจารย์ปลุกเสกเดี่ยวและเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกต่างๆหลายวาระ ท่านใดที่ไม่มีเหรียญ 100 ปี โรงเรียนชาย ก็สามารถห้อยเหรียญจ่าการบุญ 2542 ได้แม้นมวลสารอาจยังไม่เข้มขลังเท่าเหรียญ 100 ปี โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม แต่ก็ได้บารมีจากเกจิคณาจารย์ส่งพลังให้เหมือนกัน
ไม่แปลกใจว่าทำไมครูและศิษย์เก่าที่มีเหรียญนี้จึงได้หวงแหนกัน
วรรณะของเหรียญที่ผิวเป็นธรรมชาติ
สำหรับเหรียญเนื้อทองแดงธรรมชาติ หากเก็นอยู่ในตลับเดิมไม่สัมผัสกับอากาศก็จะออกสีของทองแดง (บางเหรียญอาจมีรอยนิ้วมือของผู้นำเหรียญใส่ตลับปรากฎบ้างเล็กน้อย)
เรื่องเล่าสำหรับเหรียญองค์ในรูป ทางพระมหาเถระสัมผัสได้ถึงพลังออกมาจากเหรียญ เจ้าของเหรียญได้กล่าวขอความเมตตาให้ท่านลงอักขระเลขยันต์แต่ในตอนแรกท่านจะไม่จารให้โดยพูดเพียวว่า “พอแล้วๆ เขาเสกกันจนคุ้มตัวได้เต็มแล้ว” ทางเจ้าของได้กล่าวขอความเมตตาอยากให้เหรียญนี้ต่างจากเหรียญอื่นเพราะได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ของตน ท่านจึงยอมจารให้
จำนวนการตกทอดของเหรียญ
ในการจัดสร้างเหรียญ วัตถุประสงค์หลักเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการสร้างอนุสาวรีย์ จึงกล่าวได้ว่าผู้ร่วมบูชาถือเป็นผู้ร่วมสร้างอนุสาวรีย์ให้ผู้คนกราบไหว้บูชาสักการะด้วย หลังจากได้ครบตามจำนวนค่าใช้จ่ายแล้วได้นำแจกจ่ายให้กับคณะครูจ่าการบุญ คณะกรรมการ จบจนสิ้นคุณครูวัฒนศักดิ์ แต่ทางครูศุภเชษฐ์ (ผอ.เชษฐ์) และครูยงยุทธ (ครูต้น) ได้ทยอยมอบให้ครูที่ย้ายและบรรจุเข้ามาใหม่ตามวาระต่างๆจนเกือบหมดลง
ที่ทางผู้เขียนกล่าวว่าเกือบหมดลง เพราะทางครูต้นคิดว่าเหรียญได้หมดลงไปแล้ว จนกระทั้งวันเกิดเหตุอัคคีภัย วันที่ 22 ก.ย. 2565 ช่วงเวลาตีสามของวันถัดไปได้มีผู้คนพบเหรียญและพระนางพญาที่อยุ่ในโอ่งดินเล็กๆจำนวนหนึ่ง จึงได้รายงานไปยังผู้บริหารตามลำดับขั้น
โอ่งดินใบเล็กดังกล่าวไม่ได้ปิดฝา และอยู่บริเวณรูปหล่อลอยองค์ของพ่อจ่าการบุญ ขนาดประมาณ 20 นิ้ว (ใช้สรงน้ำและเข้าพิธีสำคัญต่างๆของโรงเรียน)
หลังจากกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบที่เกตุเหตุและกั้นพื้นที่ไว้จนกว่าคดีจะเสร็จ ยังไม่มีใครได้เข้าไปตรวจสอบสำรวจพื้นที่เพราะมีเส้นกั้นที่เกิดเหตุห้ามบุกรุก และยังมีความเสี่ยงที่อาคารที่เหลืออาจถล่มลงมา จนกระทั้งผลการพิสูจน์หลักฐานออกมาและสรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนจึงได้นิมนต์พระอาจารย์สุทศ วัดสระไม้แดง (ปัจจุบันคือ พระครูประภัศร์วรานุกิจ) ได้ทำพิธีสวดถอนตามความเชื่อ ระหว่างการสวดถอนได้เกิดปรากฎการณ์บางอย่าง (จะขอเขียนเล่าในหนังสือที่ระลึกสำหรับผู้บูชาพระกริ่งจ่าการบุญ) ทำให้ผู้ร่วมพิธีในวันนั้นถึงกับขนลุกเลยทีเดียว
เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วและได้นำศาลพระภูมิ ศาลเจ้าที่ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายนำไปจำเริญที่วัดแล้ว คณะครูที่มาร่วมพิธีต่างก็รู้สึกสลดเสียใจเพราะภายใต้เถ้าถ่านมีเศษของฆ้องวงที่ยังเหลือเพียงครึ่งใบ ตะกั่วที่ใช้ถ่วงระนาดหลอมเหลวจนไหลมากองรวมกันบนพื้น ดาบโบราณตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์และเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้และโลหะไม่หลงเหลือให้เห็นเลย จะมีเพียงดาบไม้ที่ใช้แสดง เครื่องดนตรีที่อยู่ในกล่อง ที่ได้จัดเก็บภายในห้องเก็บชั้น 1 ที่ถูกเพลิงเผาไหม้น้อยที่สุดจึงหลุดรอดออกมาได้
แต่สิ่งที่สร้างความตื่นเต้นคือ การค้นพบเหรียญพ่อจ่าการบุญ ปี 2542 ประมาณ 2 กล่อง อยู่ตรงบริเวณจุดที่เป็นแท่นวางรูปหล่อลอยองค์พ่อจ่าและเศียรครู (พ่อแก่) ภายนอกพลาสติกถูกหลอมเหลวจนจับตัวเป็นก่อน แต่เหรียญบางเหรียญกลับมีความสมบูรณ์ บางเหรียญมีร่องรอยของพลาสติกติดอยู่ และหลายเหรียญพลาสติกหลอมติดกันจนจับตัวเป็นก้อน ทางครูได้ทดลองทำหลายวิถีทางที่แกะออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เป็นส่วนใหญ่ จะมีเพียงบางเหรียญที่แกะออกมาได้และมีร่องรอยเปลวไฟพยายามที่จะกลืนกินแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ และยิ่งแปลกใจมากกว่านั้นคือตลอดเวลาตั้งแต่เจ้าหน้าดับเพลิงคุ้ยกองไฟ เจ้าหน้าที่ทหารมาคุ้ยและทำช่องระบายน้ำออก และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มาเปิด งัด คุ้ย ทุกซอกมุมแต่กลับไม่มีใครพบกับเหรียญนี้ มีเพียงครูต้นที่ค้นพบเส้นเลือดพ่อจ่า (ก้านช่อชนวนตอนหล่อ) และพี่เพ็ญที่เป็นผู้ยกกองเหรียญออกมาและสามารถมองเห็นได้ชัดตั้งแต่ไกลว่าเป็นเหรียญ อาจกล่าวได้ว่าพ่อจ่าต้องการให้เก็บไว้สำหรับผู้ที่รักและศรัทธาในตัวพ่ออย่างแท้จริง
เหรียญพ่อจ่าการบุญที่รอดจากเปลวไฟ
เหรียญพ่อจ่าการบุญ ปี พ.ศ. 2542 ที่รอดจากเปลวไฟหลายร้อยหลายพันองศาเซลเซียส (หน่วยดับเพลิงบอกว่าไฟไหม้หอศิลป์จากการประเมินคือไฟไหม้ระดับสูงสุด) เจ้าของเหรียญได้นำไปเหลี่ยมพลาสติกโดยยิงเลเซอร์ 20022022 ไว้ด้านล่างเพื่อบันทึกวันแห่งความเจ็บปวดของชาวจ่าการบุญ สีแดงที่ติดตรงด้านบนคือยางที่หลอมเหลว และสีส้มบนเหรียญเพราะถูกเปลวไฟเผาผลาญ ด้านหลังของเหรียญ (ด้านพ่อจ่า) มีพลาสติกหลอมติดอยู่เจ้าของเหรียญไม่ขูดออก
เหรียญทองแดงกะไหล่เงินที่พบในกองเถ้าหอศิลป์ พลาสติกภายนอกเสียรูปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ส่วนยางสีแดงมีลักษณะเกือบหลอมเหลวทำให้รัดกับตัวเหรียญจนแน่นแต่ผิวของเหรียญกลับไม่เป็นอะไร
ตอนนี้หาไม่ได้แล้ว
มาถึงตรงนี้อาจมีหลายท่านต้องการอยากได้เหรียญนี้ เพราะคนจ่าการบุญบางส่วนอาจยังไม่มีไว้ในครอบครอง ในตอนแรกที่พยายามแกะออกมาเพราะต้องการแจกจ่ายให้กับคณะครูที่ยังไม่มีได้เก็บไว้ตามความประสงค์ของผู้สร้าง แต่ด้วยความสวยและความยากในการแกะพลาสติกทางโรงเรียนจึงได้จัดสินใจนำเหรียญที่พบทั้งเกือบ 200 เหรียญ นำไปหลอมรวมเป็นชนวนมวลสารในการสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก 123 ปี จ่าการบุญทั้งหมด และได้มีการขอพลีและอธิษฐานให้ดวงจิตของคณาจารย์ได้สืบทอดมายังวัตถุมงคลรุ่น 123 ปี ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในมวลสารที่มีดีนอกและดีใน หลายท่านได้ทำการจองบูชาจำนวนหลายชุดหลายองค์ทั้งๆที่ยังไม่เห็นของจริงนั่นเพราะได้ทราบข้อมูลของมวลสารนี้แล้ว ซึ่งวัตถุประสงค์ของทางคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ชมรมผู้ปกครอง ชมรมศิษย์เก่าจ่าการบุญ ต้องการนำเงินมาชำระเครื่องดนตรีที่ยังคงค้างและจัดหาเครื่องดนตรีใหม่ให้สมบูรณ์เพิ่มเติม ถือเป็นการสร้างปัญญาบารมีโดยแท้
สั่งจองวัตถุมงคลที่ระลึก 123 ปี จ่าการบุญ ได้ที่ ห้องธุรการอาคารรวมใจ โรงเรียนจ่าการบุญ ในวันและเวลาราชการ (กรุณาชำระการสั่งจองด้วยเงินสด)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 055 244 490
เหรียญแจก VIP งานวิ่ง 123 JB Run
เหรียญที่ระลึกแจกผู้สั่งจองบัตร VIP ที่แจกพร้อมคาถาบูชา